อันดับ 1 สาย Rauma จาก Dombås ถึง Åndalsnes ประเทศนอร์เวย์
นอร์เวย์ขึ้นชื่อในเรื่องประเทศที่มีทิวทัศน์สวยเป็นอันดับต้นๆ ของโลก จึงไม่น่าแปลกใจที่รถไฟสายนี้จะสวยเป็นอันดับหนึ่งในยุโรป ผู้โดยสารจะเพลิดเพลินไปกับยอดเขาสูงมากมาย ที่มีทั้งผาหินชันและต้นไม้เขียวชอุ่มค่อยๆ ลาดลงมาเจอแม่น้ำรอม่า สายนี้มีความยาว 114กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเที่ยวละชั่วโมงครึ่ง ส่วนช่วงที่วิวแถวนี้จะสวยที่สุดคือช่วงฤดูร้อน
อันดับ 2 สาย Bergen จาก Oslo ถึง Bergen โดยผ่าน Flåm ประเทศนอร์เวย์
อันดับนี้ก็ยังคงเป็นของนอร์เวย์ แต่สายนี้ใช้เวลาเดินทางถึง 9ชั่วโมง แม้จะมีระยะทาง 550 กิโลเมตรเท่านั้น เพราะทางรถไฟสายนี้จะพาทะลุเข้าไปในหุบเขา และแวะกลับขึ้นไปยังสถานีรถไฟที่สูงที่สุดของประเทศอีกด้วย (สูงตั้ง 1.2กิโลเมตรจากพื้นดิน)ทำให้กลายเป็นรางรถไฟโดยสารที่ชันที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังพาผู้โดยสารไปเยี่ยมชมหอประวัติศาสตร์วิศวกรรมการรถไฟอีกด้วย ส่วนช่วงที่วิวสวยที่สุดคือหน้าร้อนที่ดอกไม้จะงดงาม หรือไม่ก็หน้าหนาวที่ทุกอย่างกลายเป็นสีขาว
อันดับ 3 สาย West Highland จาก Fort William ถึง Mallaig ประเทศสกอตแลนด์
สายนี้แฟนๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์ จะต้องร้องอ๋อทันทีเมื่อเห็น เพราะเป็นสายเดียวกับที่เห็นในภาพยนตร์ภาพรถด่วนฮอกวอตส์แวบเข้ามาในความคิดทันทีเลย ทิวทัศน์ระหว่างทางประกอบไปด้วยที่ราบสูงสีเขียวสลับน้ำตาล ทะเลสาบ และชายฝั่งทะเล นอกจากนี้ยังพาดผ่านภูเขาที่สูงที่สุดของสหราชอาณาจักรด้วย เมื่อขึ้นไปถึงยอดเขาผู้โดยสารสามารถมองเห็นไปไกลถึงอีกเมืองเลย สายนี้ยาว 67 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเที่ยวละชั่วโมงครึ่ง และช่วงที่วิวสวยที่สุดก็คือฤดูร้อน
อันดับ 4 สาย Bernina Express จาก Chur ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ถึง Tirano ประเทศอิตาลี
สายนี้เอาใจกันสุดๆ ด้วยหน้าต่างบานกว้างเป็นพิเศษ เพื่อให้ผู้โดยสารได้ชมวิวของเทือกเขาแอลป์ในแบบพาโนรามา จะได้เห็นชัดเจนเลยว่าจากฝั่งยุโรปเหนือที่มีแต่ธารน้ำแข็ง มาเข้ายุโรปใต้ที่อิตาลีแล้วมีความแตกต่างกันอย่างไร นอกจากนี้ยังผ่านเส้นทางรถไฟโบราณที่ได้ขึ้นเป็นมรดกโลกถึง 2 แห่ง รวมไปถึงย่านคนรวยเว่อร์ๆ ของสวิตเซอร์แลนด์ด้วย ใช้เวลาเดินทางเที่ยวละ 4ชั่วโมง ตลอดระยะทาง 123 กิโลเมตร ส่วนช่วงที่น่าไปที่สุดคือเดือนเมษายน
อันดับ 5 สาย Cinque Terre จาก Levanto ถึง La Spezia ประเทศอิตาลี
ทิวทัศน์รอบๆ เส้นทางนี้มีทั้งหมู่บ้านท้องถิ่น 5หมู่บ้าน ที่จะสร้างอาคารเป็นสีสันต่างๆ และสร้างไล่ระดับกันไปเรื่อยๆ ตลอดชายฝั่ง ผู้โดยสารจะมองเห็นทะเลลิกูเรียนที่มีสีฟ้าเหมือนเทอควอยซ์ รวมไปถึงผ่านไร่องุ่นอีกหลายแห่ง ช่วงที่รถไฟจอดพักให้ที่แต่ละหมู่บ้านก็สามารถลงไปซื้อของและเก็บภาพริมชายฝั่งได้นะคะ สายนี้ยาวเพียง 20กิโลเมตรและใช้เวลาเดินทางเพียง 40นาที ฤดูที่ควรมาเที่ยวคือตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิ ไปจนถึงฤดูร้อน
อันดับ 6 สาย Central Rhine จาก Bingen ถึง Koblenz ประเทศเยอรมนี
ว่ากันว่าสายนี้เป็นสายที่โรแมนติกที่สุดของที่สุดในประเทศ เพราะผ่านปราสาทสวยๆ แบบในนิทานหลายที่ และยังมีทางน้ำที่คดเคี้ยวแต่งดงามราวกับภาพวาด สายนี้มีระยะทางเพียง 61กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 50 นาที และช่วงที่น่าเที่ยวที่สุดคือฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วง
อันดับ 7 สาย Semmering จาก Gloggnitz ถึง Mürzzuschlag ประเทศออสเตรีย
ผู้โดยสารสาย Semmering จะรู้สึกเหมือนตัวเองหลุดเข้าไปอยู่ใน Wonderland (จากอลิซในดินแดนมหัศจรรย์) เพราะผ่านทั้งช่องเขา อุโมงค์หลายสาย ทางส่งน้ำโบราณ และสะพานทรงโค้งแบบโบราณอีกหลายแห่ง รถไฟสายนี้ใช้เวลาเดินทาง 45 นาที ระยะทาง 41 กิโลเมตรค่ะ ส่วนช่วงเวลาที่น่าเที่ยวก็คือทุกวันตลอดปีค่ะ เพราะเป็นดินแดนมหัศจรรย์จริงๆ
อันดับ 8 สาย Centovalli จาก Locarno ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ถึง Domodossola ประเทศอิตาลี
คำว่า Centovalli แปลว่าร้อยหุบเขา ฉะนั้นทิวทัศน์รอบๆ จึงมีท้ังน้ำตกใหญ่น้อย ทุ่งเชสนัท ป่าไม้เขียวขจี และไร่องุ่นหลายแห่ง นอกจากนี้ยังจะเห็นเทือกเขาแอลป์ในมุมที่สวยที่สุด รวมไปถึงผ่านทะเลสาบมักกิโอเร่ที่เป็นสีน้ำเงินใสราวกับอัญมณี ควรโดยสารรถไฟสายนี้ในช่วงฤดูร้อน ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง ระยะทาง 52 กิโลเมตร
อันดับ 9 สายจาก Munich ประเทศเยอรมนีถึง Innsbruck ประเทศออสเตรียโดยผ่าน Garmisch-Partenkirchen
การเดินทางระหว่าง 2 เมืองนี้มีหลายวิธีมาก แม้แต่รถไฟเองก็มีหลายสาย แต่สายที่ชาวท้องถิ่นแนะนำให้ใช้มากที่สุดคือสายนี้ที่ต้องผ่านเมือง Garmisch-Partenkirchen เพราะผู้โดยสารจะเห็นทะเลสาบสวยๆ หลายแห่ง รวมไปถึงภูเขาที่สูงที่สุดในเยอรมนี และภูเขาใหญ่น้อยอีกหลายลูกที่เรียงรายกันนอกเมืองนี้ ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง ระยะทาง 157 กิโลเมตร และสามารถมาเที่ยวได้ตลอดปีเพราะสวยตลอดจริงๆ
อันดับ 10 สาย Glacier Express จาก Zermatt ถึง St Moritz ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ชื่อเล่นของรถด่วนสายนี้คือสายมหาเศรษฐี เพราะมีโอกาสพบมหาเศรษฐีสูงกว่าปกติหลายเท่าตัว เนื่องจากตลอดเส้นทางที่วิ่งข้ามเทือกเขาแอลป์นั้น จะผ่านสกีรีสอร์ตที่หรูหราที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ถึง 2 แห่ง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของเศรษฐีหลายๆ คนในโลกเลย นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ทางธรรมชาติด้วย ฤดูที่น่าเที่ยวก็คงไม่พ้นฤดูหนาว รถด่วนสายนี้ใช้เวลาวิ่ง 7ชั่วโมงครึ่ง ระยะทาง 291 กิโลเมตร