Friday, June 28, 2013

เผยเคล็ดลับเก่งภาษา จากผู้เชี่ยวชาญภาษานานาชาติ!

    เราจะเรียกผู้ที่มีความสามารถในการใช้ภาษาตั้งแต่ 6 ภาษาต่างชาติขึ้นไปได้เทียบเท่าภาษาแม่ว่า "Polyglot" ซึ่งก็มีทั้งคนธรรมดาที่ตั้งใจจริง อัจฉริยะด้านภาษา หรือผู้ที่มีความผิดปกติในสมองที่ทำให้มีความสามารถในการเรียนรู้ภาษามากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า บางคนที่รู้เป็นร้อยๆ ภาษาหรือว่าเรียนแต่ละภาษาในเวลาที่สั้นมากๆ ก็จะถูกเรียกว่า "Hyperpolyglot" ซึ่งในจำนวนภาษาทั้งหมดที่แต่ละคนรู้ก็จะแบ่งได้เป็นหลายขั้น เช่น ภาษาที่ใช้คล่องราวเจ้าของภาษา ภาษาที่สามารถพูดและเขียนได้คล่อง ภาษาที่อ่านเข้าใจ หรือภาษาที่เข้าใจทางไวยากรณ์ ส่วนภาษาถิ่นในแต่ละภาษาจะนับรวมในภาษานั้น







จำนวนภาษาที่ใช้คล่อง: 36 ภาษา
ภาษาแม่: อังกฤษแบบอเมริกัน
อาชีพ: นักวิชาการด้านภาษาต่างประเทศ 
ลักษณะการเรียนภาษาต่างประเทศ:
          1. เรียนในชั้นเรียน เช่น ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน ภาษาสเปน ภาษาละติน ภาษากรีก ภาษาสันสกฤต ภาษาฝรั่งเศสยุคกลาง  ภาษาโกธิค ภาษาเยอรมันโบราณ และภาษานอร์สโบราณ
          2. ได้จากการซึมซับจากสภาพแวดล้อม เช่น ภาษาสวีเดน ภาษาดัทช์ ภาษาอิตาเลียน ภาษาโปรตุเกส ภาษารัสเซีย ภาษาเกาหลี และภาษาอาหรับ
          3. เรียนรู้ด้วยตัวเอง เช่น ภาษาไอริช ภาษาเปอร์เซีย ภาษาฮินดี ภาษาตุรกี และภาษาสวาฮิลี
เทคนิคที่ใช้บ่อย:
          Shadowing การฟังและพูดกับเสียงบทสนทนาในเทปขณะเดิน
          Scriptorium การอ่านออกเสียงดังๆ ตามข้อความที่เขียนขณะถอดเทปภาษาต่างประเทศ





จำนวนภาษาที่ใช้คล่อง: 23 ภาษา
ภาษาแม่: อังกฤษแบบอเมริกัน
อาชีพ: นักเรียนอายุ 17 ปี
 ลักษณะการเรียนภาษาต่างประเทศ:
          สอนตัวเองโดยการซื้อหนังสือสอนภาษามาศึกษาเอง และใช้แอพลิเคชั่นบัตรคำช่วยสอนภาษาต่างๆ ใน iPhone รวมถึงการชมภาพยนตร์หลายภาษาและหาเพื่อนต่างชาติคุยออนไลน์ (ใช้เวลาเรียนภาษาละไม่กี่สัปดาห์)
ภาษาที่พูดได้:
          ภาษาอังกฤษ ภาษาฮาวเซอ (ใช้ในไนจีเรีย) ภาษารัสเซีย ภาษายิว ภาษาอาหรับ ภาษาฟาร์ซี (ใช้ในอิหร่าน อัฟกานิสถานและทาจิกิสถาน) ภาษาอิตาเลียน ภาษาอินโดนีเซีย ภาษาอิซิกโฮซา (ใช้ในแอฟริกาใต้) ภาษาฮินดี ภาษาเปอร์เซีย ภาษาสเปน ภาษาฝรั่งเศส ภาษาวอลอฟ (ใช้ในเซเนกัลและแกมเบีย) ภาษาเยอรมัน ภาษาฮิบรู ภาษาพาชโต (ใช้ในอัฟกานิสถานและปากีสถาน) ภาษาจีนกลาง ภาษาตุรกี ภาษาดัทช์ ภาษาสวาฮิลี ภาษาโอจิบเว (ใช้ในชนพื้นเมืองทวีปอเมริกาเหนือ) และภาษาโครเอเชีย (ภาษาต่อไปที่อยากเรียนคือภาษาซูดานหรือมาเลย์)





จำนวนภาษาที่ใช้คล่อง: 32 ภาษา
ภาษาแม่: กรีก
อาชีพ: ล่ามประจำคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission)
ลักษณะการเรียนภาษาต่างประเทศ:
          มีทั้งเรียนในห้องเรียน และเรียนรู้ด้วยตนเอง แต่ส่วนใหญ่จะศึกษาด้วยตัวเอง
 เทคนิคที่ใช้บ่อย:
          การฝังตัวเองเข้าไปอยู่ในภาษานั้นๆ โดยทำตัวเสมือนเป็นเจ้าของภาษาเอง เช่น อ่านหนังสือ ดูทีวีรายการของชาตินั้นๆ ทำและทานอาหารของชาตินั้นด้วย รวมไปถึงหาโอกาสคุยกับเจ้าของภาษา
ภาษาที่พูดได้:
          ภาษากรีก ภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน ภาษาอิตาเลียน ภาษารัสเซีย ภาษาตุรกี ภาษาอาหรับ ภาษาจีน ภาษาลูเวีย ภาษาเดนมาร์ก ภาษาบาลี ภาษาดัทช์ ภาษาสลาโวนิกโบราณ ภาษาฟินแลนด์ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาฮังการี ภาษาไอริช ภาษาออสคาน ภาษาเปอร์เซียโบราณ ภาษาโกธิค ภาษาโปแลนด์ ภาษาโปรตุเกส  ภาษาอาร์เมเนียคลาสสิก ภาษาสเปน ภาษาสวีเดน ภาษาอเวสตัน ภาษาฮิตไทต์ ภาษาอิหร่านยุคกลาง ภาษาละติน ภาษาอุมเบรีย ภาษาอัมฮาริก (ใช้ในเอธิโอเปีย) และภาษาสันสกฤต




จำนวนภาษาที่ใช้คล่อง: 68 ภาษา แต่รู้อีก 120 ภาษา
ภาษาแม่: เยอรมัน
อาชีพ: นักจีนวิทยา
ลักษณะการเรียนภาษาต่างประเทศ:
          เรียนรู้ด้วยตัวเองเป็นหลัก เพราะมีความผิดปกติทางสมอง พฤติกรรมคล้ายเป็นออทิสติกแต่ทำให้มีความสามารถในการเรียนภาษาได้ไวกว่าคนธรรมดาหลายเท่าตัว
เทคนิคที่ใช้บ่อย:
          เรียนภาษาที่สามผ่านภาษาที่สอง นั่นคือแทนที่จะเรียนผ่านหนังสือสอนภาษาที่แปลมาเป็นภาษาเยอรมัน เขาจะใช้หนังสือเรียนภาษาที่สาม ที่มีคำอธิบายเป็นกลุ่มภาษาที่ 2 แทน โดยกลุ่มภาษาที่ 2 ที่เขาใช้บ่อยที่สุดได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษารัสเซีย ภาษาฝรั่งเศส ภาษาจีน ภาษากรีก ภาษาอิตาเลียน ภาษาตุรกี ภาษาละติน ภาษาสเปน และภาษาอาหรับ
ภาษาที่พูดได้:
          ทุกภาษาที่ใช้ในสหภาพยุโรป ภาษาอียิปต์ ภาษาไอนุ (ภาษาพื้นเมืองของบางกลุ่มบนเกาะฮอกไกโด) ภาษาอัลแบเนีย ภาษาอาหรับ ภาษาอาร์เมเนีย ภาษาพม่า ภาษาจีน ภาษาจอร์เจีย ภาษาฮินดี ภาษาญี่ปุ่น ภาษาชวา ภาษาเกาหลี ภาษาละติน ภาษาแมนจูเรีย ภาษามองโกเลีย ภาษากิลแย็ก (ใช้ในบางส่วนของรัสเซียและญี่ปุ่น) ภาษาเปอร์เซีย ภาษารัสเซีย ภาษาสันสกฤต ภาษาอราเมค ภาษาทิเบต ภาษาตุรกี และภาษาอูรดู ภาษาอัฟกานิสถาน ภาษาสิงหล ภาษาโปรตุเกส ภาษายูเครน


   จะเห็นได้ว่าแต่ละคนต่างก็มีเทคนิคแตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่เป็นการขวนขวายหาความรู้เองโดยไม่ต้องให้ใครบอก อย่าง Timothy Doner ก็บอกว่าทุกวันนี้มีเทคโนโลยีเป็นตัวช่วยมากมาย น่าจะทำให้การเรียนรู้ภาษาต่างประเทศเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาก ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ต้องเดินทางไปศึกษาอีกเมือง หรือหาตำรายากๆ ในภาษาอื่นมาอ่าน ซึ่งน้องๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นถึง Polyglot ที่พูดได้มากกว่า 6 ภาษาก็ได้ค่ะ ซักสองสามภาษาก็โอเคแล้ว แต่การเป็น Polyglot ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปนะคะ เพราะมีผู้คนอีกมากมายที่ฝึกฝนตัวเองจนเป็นได้



Friday, June 21, 2013

9 สถานที่ดั่งเทพนิยายที่มีอยู่จริงบนผืนโลก

1.Socrota Island - เยเมน


หนึ่งในสถานที่ที่ห่างไกลที่สุดในโลก อยู่ในทะเลอาระเบียประมาณ 150 ไมล์ของแอฟริกา เกาะเป็นที่รู้จักของชาวอียิปต์โบราณ และมาร์โคโปโลก็เป็นผู้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับที่นี่  อย่างไรก็ตามที่นี่ยังคงสภาพเดิมอยู่ และมีประชากรเพียง 80,000 คน อีกทั้งยังไม่มีถนนลาดยางจนกระทั่งถึงปี 2007


นอกจากถ้ำ เกาะที่แปลกประหลาด และน้ำทะเลที่สวยงามแล้ว ความแห้งแล้งบนเกาะยังทำให้เกิดพืชพันธุ์ที่มีรูปทรงคล้ายมาจากต่างดาว มีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าประมาณ 33% ของพืชเหล่านี้ไม่สามารถพบได้ที่ใดในโลก และหนึ่งในสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุด นับว่าเป็นสัญลักษณ์ของเกาะ Socrota ก็คือต้น Dragon Blood ที่มีรูปทรงเป็นร่มนั่นเอง

2.The Doorway to Hell - เติร์กเมนิสถาน

หลุมไฟแปลกประหลาดนี้มีชื่อเรียกว่า Door to Hell (ประตูสู่นรก) ตั้งอยู่กลางทะเลทราย Karakum มองเผินๆด้านหลังนั้นมันเหมือนประตูอันมืดมิดของมอร์ดอร์ (Mordor) ทั้งที่แท้จริงแล้วมันเป็นหลุมไฟที่เกิดขึ้นด้วยน้ำมือของนักธรณีวิทยาในปี 1971 และนับแต่นั้นก็เกิดการเผาไหม้มาตลอด...โดยนักวิทยาศาสตร์ของสหภาพโซเวียตค้นพบ และเชื่อว่ามีแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ จึงตั้งขึ้นแท่นขุดเจาะเพื่อแสวงหาก๊าซ แต่นั่นมันเป็นสิ่งที่ผิดพลาดอย่างมหันต์

พื้นดินทรุดตัวลงและแท่นขุดเจาะหายเข้าไปในปากปล่องภูเขาไฟกว้าง แต่ไม่มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นั้น อย่างไรก็ตาม ปริมาณของก๊าซมีเทนได้กระจายตัวออกมาสร้างความเสี่ยงอย่างมากให้กับสภาพแวดล้อม และหมู่บ้านใกล้เคียง ในขณะที่พยายามจะระงับสถานการณ์ นักวิทยาศาสตร์จึงตัดสินใจปล่อยก๊าซมีเทนไปในหลุมไฟด้วยเชื่อว่ามันจะเผาไหม้ภายในไม่กี่วันเท่านั้น แต่ที่สุดแล้วกว่า 40 ปีต่อมามันก็ยังคงลุกไหม้อยู่เช่นนั้น...กลายเป็นประตูสู่นรกที่สร้างความตื่นตะลึงท่ามกลางทะเลทราย 

3.Hobbiton - นิซีแลนด์

เมื่อพูดถึง Lord of the Rings คุณจะไม่พูดถึงฮ็อบบิทเป็นไปไม่ได้เลย...Matamata เมืองเล็กๆในนิวซีแลนด์เป็นโลเคชั่นสำหรับ Lord of the Rings ทั้ง 3 ภาค และทางรัฐบาลนิวซีแลนด์ได้ตัดสินใจให้หมู่บ้านฮ็อบบิทแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ


4.Cano Crystales แม่น้ำที่สวยงามที่สุดในโลก - โคลัมเบีย

ลึกเข้าไปในป่าของโคลัมเบียจะมีแม่น้ำสายเก่าแห่งหนึ่งที่ดูเหมือนแม่น้ำธรรมดาๆ หากแต่ในความเป็นจริงคุณสามารถข้ามแม่น้ำสายนี้ได้หลายร้อยครั้งต่อปี อย่างไรก็ตามถ้าเป็นช่วงฤดูฝนและฤดูแล้งจะเกิดปรากฎการณ์ประหลาดที่ทำให้คุณอาจจะตะลึงจนขากรรไกรค้างได้เลยว่า นี่ไม่ใช่ฝันไปใช่มั้ย นี่มันไม่ใช่ภาพหลอนใช่มั้ย
ปรากฏการณ์แปลกประหลาดนี้เกิดขึ้นโดยสาหร่ายหลากสีสันที่อยู่ด้านล่างของแม่น้ำพากันพลิ้วไสวอย่างสวยงาม ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ทางชีวภาพที่ไม่ซ้ำกัน ทำให้ Cano Crystales ถูกขนานนามว่า "แม่น้ำห้าสี", "แม่น้ำแห่งสรวงสวรรค์" และ "แม่น้ำที่สวยที่สุดในโลก"

5.Igloo Village - ฟินแลนด์

Igloo Village มีเอกลักษณ์อยู่ที่เพดานกระจก และยิ่งตอนที่หิมะตกจะเป็นหนึ่งในความมหัศจรรย์มากที่สุดของรีสอร์ทในโลกนี้ ผู้เข้าพักจะได้สัมผัสกับความสงบสุขในการนอนหลับบนเตียงอันแสนอบอุ่นท่ามกลางหิมะ
รูปนี้ถ่ายใน แลพแลนด์ (Lapland) ประเทศฟินแลนด์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ต้นไม้ใบหญ้าถูกปกคลุมไปด้วยเกร็ดน้ำแข็ง และมีเสียงร่ำลือถึงความน่าสะพรึงกลัวว่า มีคนถูกแช่แข็งอยู่ใต้กองเกร็ดน้ำแข็งนั้นด้วย

6.Neuschwanstein ปราสาทซินเดอเรลล่า - เยอรมัน

พระราชวังสมัยศตวรรษที่ 19 ตั้งอยู่บนเนินเขาขรุขระทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบาวาเรีย ประเทศเยอรมัน มีลักษณะเหมือนปราสาทในเทพนิยาย พระราชวังแห่งนี้เปิดให้ประชาชนเข้าชม และเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง และแม้จะเป็นปราสาทยุคกลางของลุดวิก (Ludwig) แต่ก็มีเทคโนโลยีทันสมัย ทั้งห้องน้ำแสนสะอาด มีน้ำร้อน น้ำเย็น กันเลย

7.The Temple Cave - เกาะบอร์เนียว ประเทศอินโดนีเซีย

เกาะบอร์เนียวเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นสถานที่สุดอะเมซิ่ง และมีถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ 
ถ้ำบาตู (Batu Cave) ตั้งชื่อตามแม่น้ำบาตูที่ไหลผ่านเนินเขา หากเดินไปจนถึงใจกลางของภูเขา 
คุณจะได้พบกับวิหารสุดลึกลับของวัดฮินดู ที่ดูเหมือนว่าจะหลุดออกมาจากภาพยนตร์เรื่อ
อินเดียน่าโจนส์


8.The Crooked Forrest - โปแลนด์

เมืองใน New Czarnowa ประเทศโปแลนด์ ป่าสุดแสนประหลาดที่เต็มไปด้วยต้นสนขนาดใหญ่ที่มีส่วนล่างของลำต้นโค้งเข้าด้านใน ลำต้นของต้นสนเหล่านี้จะเริ่มโค้งเข้าก่อนที่มันจะเติบโตขึ้นตามปกติ นอกจากนี้ยังมีความลี้ลับบางอย่างที่ทำให้คุณไม่อยากจะติดอยู่ในป่าแห่งนี้ยามค่ำคืนอีกด้วย

9.Majlis al Jinn, the Cave of Wonders - โอมาน

Majlis al Jinn ถ้ำอาละดินที่สามารถเห็นได้จริง สุดแสนมหัศจรรย์กับถ้ำที่แบ่งออกเป็นสองห้องใหญ่ที่สุดในโลก และสามารถผ่านเข้าไปในช่องเล็กๆได้ หรือจะหากจะท้าทายความกลัวในใจด้วยการห้อยตัวลงมาในความสูงประมาณ 150 เมตร ก็วัดใจกันได้เลย 





 และเชื่อเถอะค่ะว่า มันยังคงมีสถานที่ทีน่าเข้าไปสัมผัสที่ซ่อนเร้นอยู่มากกว่านี้แน่นอน แค่มันรอเวลาของมัน......

Friday, June 14, 2013

สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนปารีส!

1.หอไอเฟล(Eiffel) 





      หอไอเฟลเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยตั้งชื่อตามสถาปนิก
ผู้ออกแบบ "กุสตาฟ ไอเฟล" ในปี พ.ศ. 2549 นักท่องเที่ยวกว่า 6,719,200 คนได้เข้าเยี่ยมชม
สถานที่แห่งนี้ และกว่า 200,000,000 คนตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ส่งผลให้หอไอเฟลเป็นสิ่งก่อสร้าง
ที่มีคนเข้าชมมากที่สุดต่อปีอีกด้วย หอไอเฟล หอไอเฟลไม่เพียงแต่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองปารีส
เท่านั้น หากแต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศสด้วย ดังนั้น หากนักท่องเที่ยวคนใดไม่ได้
ไปเยือนหอไอเฟล ถือว่าไปไม่ถึงฝรั่งเศสเลยทีเดียว ทำให้ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวกว่า 60 ล้านคน
ไปเยือนหอไอเฟล โดยนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นชมทัศนียภาพรอบกรุงปารีสได้
เพียงแค่ซื้อบัตรที่บูธซึ่งอยู่บริเวณฐานของหอไอเฟล แล้วขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นต่าง ๆ ของหอไอเฟล


2.โบสถ์นอทเทอร์ดัม (Notre Dame Cathedral)





   โบสถ์นอทเทอร์ดัมเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของกรุงปารีส เพราะเป็นสถานที่ที่อยู่คู่กับเมืองปารีส
มาช้านาน แลมีชื่อเสียงด้านความใหญ่โตหรูหรา มีสถาปัตยกรรมที่งดงามมาก โดยการเที่ยวชมนั้น
นักท่องเที่ยวจะได้เความอลังการของโบสถ์นอทเทอร์ดัม อีกทั้งยังต้องขึ้นบันได 387 ขั้น
เพื่อไปถึงยอดของโบสถ์ **ส่วนเคล็ดลับในการชมโบสถ์นอทเทอร์ดัมนั้นแนะนำ
ให้ไปเยี่ยมชมช่วงเช้า เพราะดวงอาทิตย์จะส่องกระทบกับซุ้มประตูทางทิศตะวันตกของโบสถ์ 
มองดูแล้วเหมือนเป็นประกายเพชรที่ระยิบระยับจับตา เพิ่มความหรูหราให้กับโบสถ์ได้มากขึ้น

3.พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (The Louvre)




     เป็นพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เคยเป็นพระราชวังหลวงมาก่อน จัดแสดงศิลปะที่มีคุณค่าระดับโลกมากมาย
เช่น ภาพเขียนโมนาลิซ่า ผลงานของต่าง ๆ ของเลโอนาร์โด ดาวินซีแลอเล็กซานดรอส
นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์ที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมมากที่สุดในกรุงปารีส 




4.ประตูชัยฝรั่งเศส (Arc de triomphe)


     เป็นอนุสรณ์สถานที่สำคัญในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่กลางจัตุรัสชาร์ลส์ เดอ โกลล์
หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม จัตุรัสแห่งดวงดาวทิศตะวันตกของชองป์-เซลิเซ่ส์ ประตูชัยแห่งนี้สร้างขึ้น
เพื่อเป็นการสดุดีวีรชนทหารกล้าที่ได้ร่วมรบเพื่อประเทศฝรั่งเศส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในสงครามนโปเลียน และในปัจจุบันยังเป็นสุสานของทหารนิรนามอีกด้วย 
ประตูชัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของ"แนวเส้นตรงทางประวัติศาสตร์" (L'Axe historique) 
ซึ่งเป็นถนนเส้นตรงจากสวนพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ไปยังชานเมืองปารีส ประตูชัยแห่งนี้
ออกแบบโดยฌอง ชาลแกร็งในปีพ.ศ. 2349 โดยมียุวชนเปลือยชาวฝรั่งเศสกำลังต่อสู้
กับทหารเยอรมันเต็มไปด้วยเคราและใส่เกราะเป็นสัญลักษณ์เพื่อเป็นการปลุกใ
จและเป็นอนุสรณ์สถานจนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 1  
และเป็นประตูชัยที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน

5.มงต์มาร์ทร์ (Montmarte & Sacre Couer Basilica)



      มงต์มาร์ทร์เป็นหุบเขาสูง 130 เมตร ทางเหนือของปารีสและเป็นจุดที่สูงที่สุดของเมือง 
บนเขาเป็นที่ตั้งของโบสถ์ซาเครเกอร์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานที่อุทิศแด่ชาวฝรั่งเศส
 ที่เสียชีวิตจากสงครามกับปรัสเซีย ออกแบบตามแบบศิลปะสไตล์โรมัน - ไบเซนไทน์ 
ซึ่งมีความอลังการและงดงามมาก





       สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ทางศิลปวัฒนธรรม
อันเป็นมรดกของชาวปารีส ทำให้รู้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
ย่อมมีอดีตและปัจจุบันของมันเสมอ และมันรอให้คุณได้ไปสัมผัสอยู่เสมอเช่นกัน!