Tuesday, November 25, 2014

อัพสกิลฟังภาษาอังกฤษง่ายๆ เพียงแค่วันละ 5 นาที!

Bonjour tout le monde! สวัสดีค่าทุกๆๆๆๆคนนนน วันนี้ก็มาพบกับกิ๊ฟอีกเช่นเคยนะ หลังจากที่ห่างหายไปนานแรมปี - - 5555555 ก็คือในช่วงเวลาที่หายไปไม่ได้ไปทำอะไรหรอกคะ โรงเรียนเปิดเทอม ก็เล่นเยอะไปหน่อย 55555 โอเคๆเข้าเรื่องกันดีกว่าาา คือวันนี้กิ๊ฟจะมาเผยเคล็ด(ไม่)ลับของกิ๊ฟที่ลองใช้มาตลอด 1 เดือนที่ผ่าน ก็คือช่วงปิดเทอมเล็กไรงี้ คืออยากจะบอกว่า สกิลด้านการฟังของกิ๊ฟหวยแตกมาก บอกเลย -..- คือจริงๆนะคลุกคลีอยู่กับพวกตะวันตกมานานนะ ตั้งแต่ม.ต้น(เพราะบ้านักร้องอังกฤษวงนึง...) 555555 แต่แบบก็ถามตัวเองบ้ามาเป็นปีๆหลายปีแหล่ะ ทำม๊ายยทำมั้ยสกิลฟังมันยังแย่อยู่(แต่จริงๆสกิลอื่นก็แย่เหอะ 55555) แต่คือเราต้องฝึกสกิลที่แบบสื่อสารได้ก่อนไง คือ คิดว่าถ้า ฟังรู้เรื่อง ก็พูดตอบ ก็คือก็สื่อสารรู้เรื่องไรงี้ 55555 คิดโคตรจะง่าย ส่วนพวกแกรมม่า สำคัญนะ ถึงหลายคนอาจจะบอกว่า เวลาพูดไม่ต้องสนแกรมม่าหรอก แต่บางครั้งแกรมม่านี้แหล่ะช่วยเราได้ตลอดเลยนะเวลาพูดกับฝรั่ง ที่สำคัญจะทำให้เราดูมีคลาสขึ้นมาเลยนะแก 55555555 โอเคเข้าเรื่องกัน -  - ก็คือวิธีของกิ๊ฟ เป็นวิธีที่แบบโคตรจะง่าย แต่ย้ำนะที่ต้องทำทุกวัน(คืออยากจะบอกว่า สกิลฟังพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดมาก คือเราเองนะรู้สึกได้ไรงี้นะ 55555) ก็จะมีดังนี้

1.ดูหนังฝรั่ง พวกซีรีย์ของฝรั่งอะไรอย่างงี้ ก็พวกซีรีย์ของอเมริกา The walking dead กับ Teen wolf (ที่แนะนำไม่ใช่อะไรหรอก คือสองเรื่องนี้มันส์และหล่อมาก - - อะไรคือหล่อมาก ช่างมันเถอะเนอะ55)
*******(ตรงนี้ขอดอกจันนน) ถ้าอยากสกิลอัพแบบก้าวกระโดดจริงๆนะ แนะนำอย่างยิ่ง ให้ดูแบบซาวแทรก คือเสียงพูดแบบต้นฉบับเบย ไม่ต้องพากย์ไทยนะพี่ และอีกอย่างคือ อย่าดูซับไทยข้างล่าง หรือเป็นไม่ได้ ดูแบบไม่มีซับไทยได้เลยยิ่งดี คือถ้าเราดูแบบพากย์เสียงต้นฉบับแบบภาษาอังกฤษแล้ว นั่งอ่านซับไทยไปด้วยบอกเลยว่า ใจจะไม่ได้จดจ่อไปที่การฟังเสียง แต่มันจะจดจ่อไปที่การอ่านแทน นั่นอาจทำให้เราอ่านภาษาไทยคล่องมากขึ้น แต่สกิลฟังหวกแตกเหมือนเดิมนะ เพราะฉะนั้นต้องห้ามใจให้ได้! คือแน่นอนช่วงแรกไม่รุ้เรื่องหรอก แต่เชื่อเถอะทำไปบ่อยๆ แล้วมันจะดีเอง ...

2.ดูพวก youtuber ใน youtube คือพวกนี้แหล่ะช่วยเราได้เยอะเลย พวกคำแสลงๆนี้มาเต็ม พวกสำเนียงนี้จัดหนัก ยิ่งแต่ละคนมีสำเนียงที่แตกต่างเพราะมาจากหลายประเทศนะ แอร้ยคุณพระ! หูนี้เปลี่ยนมาฟังสำเนียงไม่ฟังกันเลยทีเดียว 55555555 แต่คืออยากจะบอกคือแก คลิปในยูทูปความยาวประมาณแค่ 5 นาที ยอมเสียเวลาสัก 5 นาที ดูมันแม้งทุกวันเหอะ ช่วยได้จริงๆ แล้วมันจะมีฟิลลิ่งแบบ ฟังไปฟังมา เห้ยอยู่ดีๆ ทำมั้ยฉัยฟังรุ้เรื่องเกือบทั้งคลิป จนบางครั้งก็ตกใจตัวเองไรงี้เลยนะ ไม่เชืิ่อก็ลองเบย

*** Youtuber ที่จะแนะนำก็จะมี ....

-https://www.youtube.com/user/StilaBabe09 (คนนี้กิ๊ฟติดตามมานานมาก คือนางน่ารักและสำเนียงเมกันจ้าสุดๆ )

-https://www.youtube.com/user/Macbarbie07 (คนนี้น่ารักมากกกก)

-https://www.youtube.com/user/JacksGap/videos (ฝาแฝดสองคนนี้บินตรงมาจากเกาะอังกฤษกันเลยทีเดียว ใครที่มาเป็นพวกติ่งตะวันตกช่วงแรกๆ ต้องรู้จักสองคนนี้เบย)

และสุดท้าย อันนี้ก็ติดตามอยู่เหมือนกัน จะออกแนวพวกวัยรุ่นเมกันเยอะไปหน่อย แต่รับรองความมันส์ในแต่ละคลิป ที่สำคัญฝรั่งนี้จัดว่าเริ่ดค่ามากค่าา คิดดูนะค่ะได้ส่องฝรั่งหล่อและอัพสกิลฟังอีก ยินนกตัวเดียวเหมือนได้นก 8 ตัวเลยละค่าา 5555
-https://www.youtube.com/user/our2ndlife




  และสุดท้ายนี้ก็ขอบอกว่า ต้องทำให้สม่ำเสมอทุกวันนะค่ะ รับรองว่าเห็นผลใน 1 เดือนเท่านั้น!


#ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบด้วยนะคะ ><

Saturday, October 25, 2014

“คัมภีร์การเดินทาง 35 ข้อ!!” ที่จะเปลี่ยนให้การเดินทางของคุณง่ายขึ้นไปตลอดกาล

เอ๊ะๆสวัสดีค่ะ!!!!! 5555555 วันนี้มาพบกับกิ๊ฟอีกเช่นเคยนะค่ะ วันนี้กิ๊ฟก็เอาไปส่องเว็บ wegointer เกี่ยวกับเรื่องไปเมืองนอกอีกเช่นเดิมค่ะ ก็แบบว่า สักครั้งในชีวิตไง ถึงจะไม่ได้ไปตอนนี้ก็เหอะ - - 55555 โอเคๆเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าาาา คื อตามชื่อหัวข้อเลยคะ แต่เชื่อม่ะ หลังจากที่กิ๊ฟอ่านมาครบ 35 ข้อเนี้ย อารมณ์แบบว่า เห้ย?! อ๊าวจริงดิ ทำได้ด้วยอ่อ OMGG! ไรงี้เลยนะ เพราะฉะนั้นจะมั่วเสียเวลาอยู่ใย let's get read it เลยค่าาาาา #ภาษาวิบัติเยอะต้องขออภัยด้วยนะค่ะ ... 5555

1. ใช้หน้าต่างแบบไม่ระบุตัวตน (Incognito) เวลาจองตั๋วเครื่องบิน เนื่องจากเว็บจองตั๋วส่วนใหญ่จะจดจำข้อมูลการเยี่ยมชม และราคาจะสูงขึ้นทุก ๆ ครั้งที่เราเข้าไปเสิร์ชหาราคาในเว็บไซต์


2. เก็บสายไฟและหูฟังอย่างเป็นระเบียบในกล่องใส่แว่น


3. ใช้หลอดดูดทำที่ใส่ครีมแต่งหน้า รวมไปถึงเครื่องปรุงต่างๆในปริมาณที่พอเพียงสำหรับการเดินทาง โดยการใช้ไฟแช็กลนที่หลอดให้มันละลายติดกัน

4. เอากระดาษแผ่นปรับผ้านุ่ม ใส่ไว้ก้นกระเป๋าให้เสื้อผ้าหอม ๆ

5. เอาสปริงจากปากกาที่ไม่ใช้แล้วมาใส่ที่ขั้วสายไฟ สายจะได้ไม่ขาดหรือหักงอ

6. อย่าเสียเวลาต่อแถวนานหน้าห้องน้ำที่สนามบิน โดยส่วนใหญ่ห้องน้ำแรกในสนามบินจะแน่นที่สุด ถ้าเดินไปเรื่อย ๆ จะเจอห้องน้ำที่สะอาดและโล่งกว่ามาก

7. ใช้ตัวหนีบดำปกป้องหัวมีดโกน

8. ถ้าลืมเอาสายชาร์จแบบหัวปลั๊กมา ให้ต่อสายกับที่เสียบ USB ที่ทีวีเอานะ

9. ม้วนเสื้อแทนการพับเพื่อเป็นการประหยัดพื้นที่

10. ถ้ามีเสื้อผ้าที่จำเป็นต้องพับ รองด้วยกระดาษทิชชูกันยับก่อนหนึ่งชั้น

11. ใช้กล่องเก็บยาใส่เครื่องประดับไม่ให้หายหรือพันกัน

12. สแกนเอกสารสำคัญเก็บไว้ก่อนออกเดินทาง บางครั้งแค่ถ่ายเอกสารอาจจะไม่พอ ให้สแกนเป็นไฟล์ให้ชัดแล้วส่งอีเมลหาตัวเอง หรือใส่ไว้ใน Cloud เพื่อให้เรียกใช้ได้ง่ายผ่านมือถือก็ได้

13. เก็บสบู่ก้อนไว้ในกระเป๋าผ้าขนหนู ใช้เป็นที่ขัดขี้ไคลได้อีกด้วย 

14. หมวกคลุมอาบน้ำเป็นทางเลือกที่ดีในการป้องกันเสื้อผ้าเปื้อนพื้นรองเท้า

15. เปิดมือถือเป็น Airplane Mode เพื่อประหยัดแบตฯ และทำให้ชาร์จเต็มเร็วขึ้นด้วย

16. เก็บหูฟังกับตัวไว้ให้เรียบร้อยด้วยคลิปหนีบแบบนี้ เอาไปหนีบไว้กับสายกระเป๋าหรือเสื้อได้ด้วย

17. ใส่กิ๊บดำไว้ในกล่องลูกอมที่ไม่ใช้แล้ว

18. ม้วนเข็มขัดใส่ไว้ตรงคอปกเสื้อเพื่อกันยับ

19. นั่งบริเวณปีกเครื่องบินเพื่อลดปัญหาจากความกดอากาศ เครื่องบริเวณปีกจะส่ายน้อยกว่า เพราะมีโครงสร้างมาค้ำจุนมากกว่าส่วนอื่นในเครื่องบิน

20. เก็บภาชนะใส่ของสำหรับการเดินทางเอาไว้ แล้วใช้เติมเอาแทนที่จะต้องซื้อใหม่ทุกครั้ง

21. ใช้ Google Maps แบบออฟไลน์ได้โดยการพิมพ์ “OK Maps” เราจะเรียกรูปแผนที่ขึ้นมาดูได้ แม้ไม่มีเน็ตใช้


22. แทนที่จะต้องซื้อน้ำราคาแพงที่สนามบิน ให้เอาขวดเปล่าหรือกระติกไป และค่อยเติมใหม่หลังผ่านจุดเช็กแล้ว

23. หากเดินทางไปกับเพื่อน 2 คน โดยเครื่องบินลำใหญ่แบบริมหน้าต่าง 3 ที่นั่ง ให้คนหนึ่งจองริมหน้าต่าง อีกคนริมทางเดิน หากไม่มีใครนั่ง จะได้ใช้พื้นที่ตรงกลางได้ หรือถ้ากรณีที่มีคนนั่งก็ค่อยขอเปลี่ยนที่เอา

24. กลับสูทหรือโค้ทข้างในออกข้างนอกเวลาแพ็ก เสื้อจะได้ไม่เปื้อนและเป็นรอยพับ

25. ให้คอยซื้อตั๋วเครื่องบินเวลาบ่าย 3 ของวันอังคาร ตามปกติแล้วนี่จะเป็นช่วงเวลาที่สายการบินใหญ่ ๆ ลดราคาลงเพื่อสู้กับสายการบินราคาถูก อันนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นแบบนี้ทั่วโลกหรือเฉพาะอเมริกานะครับ

26. ป้องกันของเหลวหกเลอะเทอะด้วยแรปห่ออาหาร ให้เปิดฝาออกมาก่อน แล้วเอาพลาสติกห่ออาหารมาปิดก่อนรอบหนึ่งแล้วค่อยใส่ฝาเข้าไปใหม่ จะได้ไม่ต้องคอยห่วงเรื่องของหกเลอะเทอะในกระเป๋าเดินทาง

27. หารหัส Wi-Fi ได้เกือบทุกที่โดยการเข้าไปดูส่วนของคอมเมนต์ใน Foursquare

28. ใช้ GPS เวลาเดินทางต่างประเทศ ถ้าเดินทางนอกประเทศโดยไม่ใช้เน็ต ให้เปิดเป็น Airplane Mode และใช้ GPS แบบออฟไลน์ ให้โหลดกูเกิลแมพของสถานที่เอาไว้ก่อนออกจากโรงแรม และคุณจะได้แผนที่ที่ใช้งานได้จริงในการเดินทาง

29. หากลืมเอาที่ชาร์ตมาจากบ้าน บางครั้งโต๊ะรีเซฟชั่นในโรงแรมจะมีชาร์จเจอร์มากมายหลายรุ่นให้ยืมใช้ จากแขกคนก่อน ๆ ที่ลืมเอาไว้ที่โรงแรม

30. ไม่ต้องรอกระเป๋านานอีกต่อไป การติดป้ายกระเป๋าว่า Fragile ไม่เพียงแต่จะทำให้ของถูกหยิบจับอย่างระมัดระวังเท่านั้น ของที่มีป้ายนี้จะเป็นสัมภาระชุดแรกที่ได้ออกจากเครื่องมาที่สายพานรับของอีกด้วย

31. ประหยัดเวลาหากต้องย้ายที่ในเวลาอันรวดเร็ว ที่จัดระเบียบกระเป๋าช่วยย่นระยะเวลาเก็บของได้มาก สมัยนี้มีขายหลายแบบหลากสีและราคาไม่แพงอีกด้วย เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับนักเดินทางยุคใหม่

32. ไม่ต้องง้อ Wi-Fi แพง ๆ ที่สนามบินอีกต่อไป เพียงแค่พิมพ์ ?.jpg เข้าไปหลัง URL ก็สามารถเข้าได้ทุกเว็บที่เราต้องการแล้ว

33. เพื่อเรียกคะแนนป๊อปปูลาร์ให้ตัวเอง ให้พกปลั๊กพ่วงใส่กระเป๋าไปด้วย

34. ในวันสุดท้ายที่ต่างประเทศ ให้รวบรวมเศษเอาไปบริจาคหรือซื้อขนมแจกเด็กๆในพื้นที่ เนื่องจากถ้านำกลับไทย ธนาคารก็ไม่รับแลกเหรียญอยู่แล้ว ที่สำคัญการให้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด

35. สิ่งที่สำคัญที่สุดในทั้งหมด…อย่าหยุดเดิน เพราะชีวิตคือการเดินทางและการเรียนรู้นะคะ!





   #ขอขอบพระคุณบทความดีจาก wegointer.com ด้วยนะคะ >< 

Tuesday, September 16, 2014

ดูเพลินๆก็ฝึกภาษาฝรั่งเศสได้!

วันนี้กิ๊ฟก็มีการตูนน่ารักๆชื่อดังของฝรั่งเศสมาให้ดูกันคะ ขอบอกเลยว่า ฟังออกกันแน่นอนคะ เพราะว่าการตูนเรื่องจะพูดค่อนข้างชัด และคำแสลงไม่มาก เพราะฉะนั้นถ้าตั้งใจฟัง(all ear = ตั้งใจฟัง)กันดีๆละก็ รับรองเลยคะว่าฟังออกชัวส์ป๊าดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด....

Le petit nicolas


Tuesday, August 12, 2014

5 เว็บสุดเจ๋ง ช่วยอัพสกิลภาษาอังกฤษ


1. TED.com

เว็บไซต์ดังระดับโลกที่รวบรวมคลิปบรรยายของผู้มีชื่อเสียงเอาไว้มากมาย แต่ละคลิปจะมีซับไตเติ้ลให้ด้วยค่ะ สำหรับคนที่เทิร์นโปรแล้วแต่อยากฝึกทักษะการฟังเพิ่ม จะฟังแบบไม่ดูซับไตเติ้ลเลยก็ได้ แต่ถ้าฟังไม่ออกบางคำก็สามารถดูซ้ำอีกรอบโดยเปิดซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษตามไปด้วย ความพิเศษสุดๆ คือบางคลิบมีทั้งซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษและภาษาไทย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่ที่เริ่มหัดภาษาด้วยตัวเอง ซึ่งขอแนะนำว่ารอบแรกควรเปิดแค่ซับอังกฤษไปก่อนนะคะ ดูว่าเราจับใจความได้มากน้อยแค่ไหน แล้วค่อยเปิดซับไทยเพื่อเช็คความถูกต้อง

โปรแล้วอยากฟัง-อ่านอังกฤษล้วน >> http://www.ted.com/

มือใหม่หัดฟังขอซับไทยเป็นตัวช่วย >> http://www.ted.com/talks/browse?language=th

2. engVid.com

เรียนภาษาอังกฤษฟรีมีแบบฝึกหัดให้ลองทำต้อง engVid เลยค่ะ ปัจจุบันเว็บนี้มีอาจารย์ประจำอยู่ 10 ท่าน และมีหัวข้อน่าสนใจที่เหมาะกับนักเรียนไทยมากมาย เช่น แกรมม่า คำศัพท์ ศัพท์สแลง การพูด การเขียน รวมถึงแนะนำการทำข้อสอบ IELTS, TOEFL, TOEIC ด้วย แต่ละคลิปก็สั้นๆ ไม่ยาวมาก มีการความยากแบ่งออกเป็น 3 เลเวล คือ Beginner, Intermediate และ Advanced ตอนนี้มีประมาณ 700 กว่าคลิปแล้วค่ะ เว็บนี้อาจารย์จะมายืนสอนและเขียนลงบนกระดานด้วย ทำให้ผู้เรียนสามารถติดตามเนื้อหาได้ง่ายยิ่งขึ้น
3. BBC.co.uk

นอกจาก BBC จะเป็นสำนักข่าวชื่อดังที่มีความน่าเชื่อถือเป็นอันดับต้นๆ ของโลกแล้ว เว็บของ BBC ยังใจดีมีคอลัมน์ฝึกภาษาอังกฤษให้ฟรีๆ ด้วยค่ะ เว็บนี้เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการฝึกภาษาสำเนียงอังกฤษ (ส่วนใครอยากฝึกสำเนียงอเมริกันเดี๋ยวจะแนะนำเว็บถัดไปค่ะ) โดยบทเรียนต่างๆ ก็มีตั้งแต่เรื่องแกรมม่าไปจนถึงการใช้ภาษาอังกฤษในที่ทำงานเลย ซึ่งเราสามาถโหลดได้ทั้งไฟล์เสียง (Audio) และไฟล์ตัวหนังสือ (Text) ของแต่ละบทเรียนมาเก็บไว้ทวนซ้ำได้ด้วย เรียกว่าของฟรีดีๆ ยังมีในโลกนะคะลองเข้าไปดูกัน


เรียนผ่านเว็บ BBC ของประเทศอังกฤษ >>> http://www.bbc.co.uk/worldservice/learningenglish/

เรียนผ่านเว็บ BBC ของประเทศไทย >>> http://www.bbc.co.uk/thai/learningenglish/
4. VOA.com

VOA ย่อมาจาก Voice of America ค่ะ ถ้าใครอยากฟังภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันตรงรี่ไปที่เว็บนี้ได้เลย คลิปของ VOA มีหลากหลาย ตั้งแต่ข่าวทั่วๆ ไป รายการดนตรี รายการวัฒนธรรม ฯลฯ ช่วงเทศกาลต่างๆ ก็จะมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับบริบททางสังคมด้วย สามารถเลือกฟังและชมคลิปได้ตามความสนใจ ซึ่งเวลาจดจ่อกับสิ่งที่สนใจเนี่ยก็จะทำให้เรามีความกระตือรือร้นอยากจะเรียนรู้มากขึ้นค่ะ เว็บนี้เหมาะมากสำหรับคนยังพื้นฐานไม่ค่อยแน่น เพราะแต่ละคลิปจะพูดช้าเป็นพิเศษและใช้คำศัพท์พื้นฐานที่ไม่ยากจนเกินไป ไม่เหมือนพวกเว็บข่าวต่างประเทศที่มักใช้ศัพท์เฉพาะทางเยอะ นอกจากนี้ยังสามารถโหลดไฟล์เสียงมาเก็บไว้ฝึกฟังบ่อยๆ หรือจะโหลดแอพพลิเคชั่น VOA มาติดสมาร์ทโฟนไว้ก็ได้
5. BangkokPost.com

เว็บสุดท้ายขอแนะนำเป็นเว็บของประเทศไทยบ้างนะคะ ข้อดีของเว็บนี้คือเราจะได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่านข่าวในประเทศไทยค่ะ ซึ่งทำให้สามารถเชื่อมโยงบริบทต่างๆ ได้ง่ายขึ้น และมีหมวด Easy News คือนำข่าวมาเรียบเรียงใหม่โดยใช้คำศัพท์พื้นฐาน เหมาะแก่ผู้เรียนระดับเริ่มต้นมาก ตอนท้ายของข่าวก็ยังมีสรุปรวมคำศัพท์ที่น่าสนใจพร้อมคำอธิบายศัพท์ภาษาอังกฤษและคำแปลภาษาไทยไว้ให้ด้วยค่ะ ที่น่าสนใจมากอีกหมวดคือการสอนภาษาอังกฤษผ่านเพลงฮิต อันนี้เพลินมากค่ะใช้ปรับฟีลเวลาเรียนเยอะจนเริ่มเหนื่อยเกินไปได้เป็นอย่างดี





#ขอขอบคุณเว็บไซต์ดีๆจาก http://teen.mthai.com/education/75471.html

Wednesday, July 2, 2014

Tour de France 2014!


Ce samedi débute le Tour de France 2014, sur les routes de l'hexagone et sur France Télévisions. Avant même la fin du mondial de football, un autre événement sportif d'ampleur international prendra le relais et sera diffusé cette fois sur les antennes de France 2 et France 3, grauitement et en intégralité. Alors qu'est-ce qui nous attend pour ce Tour de France 2014 ?
Voici le menu des 21 étapes de cette 101e édition, qui sera marquée par un départ d'Angleterre, un passage par les pavés du Nord, cinq étapes de montagne (une dans les Vosges, deux dans les Alpes, deux dans les Pyréennées) à et un seul contre-la-montre, à la veille de l'arrivée. Pour suivre tout le Tour de France 2014, sans en louper une miette, suivez le programme !

Etape 1 : Leeds - Harrogate, 191 km (Etape de plaine)
Samedi 5 juillet, à partir de 11h55 sur France 2 (étape diffusée en intégralité)
Etape 2 : York - Sheffield, 198 km (Parcours accidenté)
Dimanche 6 juillet, à partir de 11h55 sur France 2 (étape diffusée en intégralité)
Etape 3 : Cambridge - Londres, 159 km (Etape de plaine)
Lundi 7 juillet, à partir de 13h sur France 3 (étape diffusée en intégralité
Etape 4 : Le Touquet-Paris-Plage - Lille, 164 km (Etape de plaine)
Mardi 8 juillet, à partir de 13h50 sur France 3 puis sur France 2 à partir de 15h.
Etape 5 : Ypres - Arenberg Porte du Hainaut, 156 km (Etape avec 9 secteurs pavés)
Mercredi 9 juillet, à partir de 13h35 sur France 3 (étape diffusée en intégralité)
Etape 6 : Arras - Reims, 194 km (Etape de plaine)
Jeudi 10 juillet, à partir de 13h50 sur France 3 puis sur France 2 à partir de 15h.
Etape 7 : Epernay - Nancy, 233 km (Etape de plaine)
Vendredi 11 juillet, à partir de 13h50 sur France 3 puis sur France 2 à partir de 15h.
Etape 8 : Tomblaine - Gérardmer La Mauselaine, 161 km (Parcours accidenté)
Samedi 12 juillet, à partir de 13h50 sur France 3 puis sur France 2 à partir de 15h.
Etape 9 : Gérardmer - Mulhouse, 166 km (Etape de plaine)
Dimanche 13 juillet, à partir de 13h50 sur France 3 puis sur France 2 à partir de 15h.
Etape 10 : Mulhouse - La Planche des Belles Filles, 161 km (Etape de montagne)
Lundi 14 juillet, à partir de 13h sur France 3 (étape diffusée en intégralité)
Repos : Mardi 15 juillet
Etape 11 : Besançon - Oyonnax, 186 km (Etape de plaine)
Mercredi 16 juillet, à partir de 13h50 sur France 3 puis sur France 2 à partir de 15h.
Etape 12 : Bourg-en-Bresse - Saint-Etienne, 183 km (Etape de plaine)
Jeudi 17 juillet, à partir de 13h50 sur France 3 puis sur France 2 à partir de 15h.
Etape 13 : Saint-Etienne - Chamrousse, 200 km (Etape de montagne)
Vendredi 18 juillet, à partir de 13h50 sur France 3 puis sur France 2 à partir de 15h.
Etape 14 : Grenoble - Risoul, 177 km (Etape de montagne)
Samedi 19 juillet, à partir de 11h55 sur France (étape diffusée en intégralité)

Etape 15 : Tallard - Nîmes, 222 km (Etape de plaine)
Dimanche 20 juillet, à partir de 13h50 sur France 3 puis sur France 2 à partir de 15h.
Repos : Lundi 21 juillet
Etape 16 : Carcassonne - Bagnères-de-Luchon, 237 km (Etape de montagne)
Mardi 22 juillet, à partir de 13h50 sur France 3 puis sur France 2 à partir de 15h.
Etape 17 : Saint-Gaudens - Saint-Lary-Soulan Pla d'Adet, 125 km (Etape de montagne)
Mercredi 23 juillet, à partir de 13h35 sur France 3 (étape diffusée en intégralité)
Etape 18 : Pau - Hautacam, 145 km (Etape de montagne)
Jeudi 24 juillet, à partir de 13h sur France 3 (étape diffusée en intégralité)
Etape 19 : Maubourguet Pays du Val d'Adour - Bergerac, 208 km (Etape de plaine)
Vendredi 25 juillet, à partir de 13h50 sur France 3 puis sur France 2 à partir de 15h.
Etape 20 : Bergerac - Périgueux, 54 km (Contre-la-montre individuel)
Samedi 26 juillet, à partir de 13h50 sur France 3 puis sur France 2 à partir de 15h.
Etape 21 : Evry - Paris Champs-Elysées, 136 km (Etape de plaine)
Dimanche 27 juillet, à partir de 13h50 sur France 3.




 #ขอขอบคุณบทความดีๆจาก http://reviewer.lavoixdunord.fr/ (และอ.เกรียงไกร ผู้แชร์ข้อมูล)

Tuesday, July 1, 2014

เรื่องน่ารู้ก่อนไปชีลี!


ประเทศชิลี : กรุงซันติอาโก
ประเทศชิลี มีชื่อทางการว่า สาธารณรัฐชิลี (República de Chile) เป็นประเทศในทวีปอเมริกาใต้ มีเนื้อที่ติดชายฝั่งทะเลยาวระหว่างเทือกเขาแอนดีสกับมหาสมุทรแปซิฟิก มีอาณาเขตจรดประเทศอาร์เจนตินาทางทิศตะวันออก จรดโบลิเวียทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และจรดเปรูทางทิศเหนือ ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันตกของประเทศมีความยาว 6,435 กิโลเมตร[1] ชิลีมีดินแดนในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยครอบครองหมู่เกาะควนเฟร์นันเดซ เกาะซาลาอีโกเมซ หมู่เกาะเดสเบนตูราดัส และเกาะอีสเตอร์ในโพลินีเซีย ชิลียังอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนในแอนตาร์กติกาด้วย
ผู้ถือหนังสือเดินทางของไทยทุกประเภท ทั้งประเภททูต ราชการและธรรมดา จะได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราจากทางการชิลี โดยสามารถพำนักได้เป็นเวลาไม่เกิน 90 วัน
ชิลีเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติโดยเฉพาะแผ่นดินไหวและสึนามิ คนไทยที่จะเดินทางไปชิลีจึงควรศึกษาข้อมูลก่อนการเดินทาง ทั้งนี้ เมื่อเดินทางถึงชิลีแล้ว ควรติดต่อลงทะเบียนกับสถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อสถานเอกอัครราชทูตฯ จะได้สามารถติดต่อและให้ความช่วยเหลือได้ในกรณีฉุกเฉิน
ข้อมูลเบื้องต้น
เมืองหลวง : กรุงซันติอาโก
ประชากร : 16 ล้านคน (5.3 ล้านคนในกรุงซานติอาโก)
พื้นที่ : 2,006,626 ตร.กม.(มีพื้นที่เกาะอีสเตอร์และเกาะอื่นๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิกและพื้นที่บริเวณแอนตาร์กติกอีก 1,250,000 ตร.กม.)
ภาษาราชการ : สเปน
สกุลเงินตรา : เปโซชิลี (USD1 = 635.88 เปโซ - 19 ธ.ค. 51)
การปกครอง : สาธารณรัฐประชาธิปไตย
รายได้ต่อคน : USD 13,190 /คน/ปี
ฤดูกาล : มี 4 ฤดู คือ
ฤดูร้อน ปลายธ.ค.-มี.ค. อุณหภูมิเฉลี่ย 13-29 C
ฤดูใบไม้ร่วง ปลายมี.ค.-มิ.ย. อุณหภูมิเฉลี่ย 8-23 C
ฤดูหนาว ปลายมิ.ย.-ก.ย. อุณหภูมิเฉลี่ย 4-16 C
ฤดูใบไม้ผลิ ปลายก.ย.-ธ.ค. อุณหภูมิเฉลี่ย 8-22 C
เวลา : -4(ฤดูหนาว),GMT-3(ฤดูร้อน)
กระแสไฟฟ้า : 220 โวลต์

ข้อควรทราบเมื่อเดินทางถึงประเทศชิลี
เมื่อเดินทางถึงและผ่านการตรวจคนเข้าเมือง ให้เก็บรักษาเอกสารการตรวจคนเข้าเมืองที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี เพราะจำเป็นต้องมอบคืนให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเพื่อเดินทางออกนอก ประเทศชิลี
ทางการชิลี ไม่อนุญาตให้นำผลิตภัณฑ์จากสัตว์และผักผลไม้ ที่ไม่ได้รับการรับรองการบรรจุหีบห่อจากประเทศผู้ผลิตเข้าประเทศ ดังนั้น หากท่านประสงค์จะนำผลิตภัณฑ์จากสัตว์หรือผักผลไม้ใดๆ เดินทางเข้าประเทศชิลี ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองทราบ โดยกรอกแบบฟอร์ม Declaración Conjunta Aduana-SAG ที่ได้รับ มิฉะนั้นจะถูกดำเนินการทางกฎหมาย ผลิตภัณฑ์ที่เข้าข่าย อาทิ เมล็ดพืช/ผักผลไม้อบแห้ง (กาแฟ โกโก้ ถั่ว) ผักผลไม้แช่แข็ง น้ำผลไม้ น้ำมันพืช แป้ง น้ำตาล แอลกอฮอล์ ผักผลไม้แปรรูป (ในน้ำเชื่อม ดอง ปรุงสุก) ธัญญาหาร เครื่องปรุงป่น ชา เป็นต้น ทั้งนี้ การนำเข้าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเพื่อการใช้ประโยชน์ส่วนบุคคลอาจดำเนินการได้ โดยต้องระบุในเอกสารที่เกี่ยวข้องที่ต้องกรอกเพื่อผ่านกระบวนการตรวจคนเข้า เมือง และผ่านการตรวจสอบและอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ในช่องสำแดง(Declare) หลังจากเจ้าหน้าที่ฯ ได้ตรวจกระเป๋าเดินทางแล้ว
หากท่านจะอยู่อาศัยในประเทศชิลีเป็นระยะเวลานาน โปรดแจ้งชื่อ และที่อยู่ต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อประโยชน์ในการติดต่อ หรือให้ความช่วยเหลือในกรณีจำเป็น
หากต้องการใช้โทรศัพท์มือของเมืองไทยที่ชิลีจะต้องเป็นโทรศัพท์ระบบ tri-band ที่เปิดใช้ระบบ international roaming และจนถึงขณะนี้ยังใช้ได้เฉพาะโทรศัพท์ในระบบ AIS ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นคู่สัญญากับบริษัท Entel PCS ของชิลี
อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 19 รวมอยู่ในราคาสินค้า และไม่สามารถเรียกคืน (refund) ได้ ทั้งนี้ กรณีชาวต่างชาติชำระค่าที่พักในชิลีเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ จะได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม

สถานที่สำคัญในกรุงซันติอาโกและเมืองใกล้เคียง
1. เนินเขาซานคริสโตบัล (Cerro San Cristobal)
เป็นยอดเนินเขาสูง 880 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เดิมมีชื่อภาษาท้องถิ่นว่า Tupahue ต่อมาในเจ้าอาณานิคมชาวสเปนได้เปลี่ยนชื่อให้เป็น Cerro San Cristobal (Saint Christopher Hill) ตามชื่อของนักบุญ Saint Christopher
บริเวณยอดเขามีประติมากรรมปูนปั้นพระแม่มารีขนาดความสูง 22.5 เมตรซึ่งได้รับการบริจาคจากฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ. 1908 เนินเขานี้เป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สูงที่สุดของกรุงซันติอาโก และมีสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น สวนพฤกษศาสตร์ สวนสาธารณะ สวนสัตว์ เป็นต้น ผู้สนใจสามารถเดินทางขึ้นเขาได้ทั้งโดยรถยนต์ รถราง และรถกระเช้า

2. หมู่บ้านหัตถกรรม โลส โดมินิโกส (Pueblito de los Dominicos)
เป็นหมู่บ้านหัตถกรรมจำลอง ตั้งอยู่บริเวณด้านข้างของโบสถ์ โลส โดมินิโกส มีร้านขายของหัตถกรรมพื้นบ้านและของที่ระลึกของชิลีหลายประเภทที่มีคุณภาพ บางร้านมีการสาธิตการทำหัตถกรรมให้ชม นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารและของว่าง 2 - 3 ร้านให้ได้เลือกรับประทานตามอัธยาศัย

3. พิพิธภัณฑ์ ลา ชาสโกนา (บ้านของกวีปาโบล เนรูด้า) (Museo Casa La Chascona) 1952
สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2496 (ค.ศ.1953) บริเวณเชิงเขา Cerro San Cristobal เป็นบ้านพักแห่งหนึ่งในจำนวนบ้านพักสามแห่งของนายปาโบล เนรูด้า (Pablo Neruda) ซึ่งเป็นกวีที่ได้รับรางวัลโนเบลของชิลี บ้านแห่งนี้สร้างให้แก่ภรรยาคนที่ 3 (นาง Matilde Urrutia)
นายเนรูด้าได้รับการขนานนามว่าเป็นนักสะสมตัวยง ภายในบ้านจึงรวบรวมของสะสมของเนรูด้า อาทิ หนังสือ ภาพวาด ของประดับตกแต่งต่างๆ เป็นจำนวนมาก นายเนรูด้าเป็นผู้ออกแบบรูปแบบตัวบ้านและการตกแต่งบ้านด้วยตนเอง ปัจจุบัน ลา ชาสโกนาเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าเยี่ยมชมเพื่อให้รู้จักชีวิตความเป็นอยู่และการตกแต่งบ้านพักของนายเนรูด้า
หลังจากที่นายเนรูด้าเสียชีวิตได้มีการจัดตั้งมูลนิธิเนรูด้าขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการอนุรักษ์และเผยแพร่งานศิลปะและงานประพันธ์โดยทั่วไป และรวมไปถึงการดูแลงานประพันธ์ทรัพย์สินและบ้านทั้งสามแห่งของนายเนรูดาด้วย ณ บ้าน La Chascona นี้ มูลนิธิได้สร้างอาคารหอสมุดต่อเติมจากตัวบ้านดั้งเดิม เพื่อจัดเก็บรักษางานประพันธ์ของนายเนรูด้าและคลังหนังสือสะสมของเขา ซึ่งหนังสือเล่มที่เก่าแก่ที่สุดที่เขาสะสมได้รับการจัดทำขึ้นในศตวรรษที่ 15 บริเวณหอสมุดนี้ไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปเข้าชม

4. สถานีมาโปโช่ (Estación Mapocho)
เป็นสถานีรถไฟเดิมที่สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2455 (ค.ศ. 1912) ปัจจุบันเป็นหนึ่งในอนุสรณ์สถานแห่งชาติ และเป็นศูนย์วัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดของชิลี เป็นที่แสดงภาพวาดและศิลปะต่างๆ ตลอดจนเป็นศูนย์แสดงสินค้า ตัวอาคารเป็น 3 ชั้น ภายในประกอบด้วยภัตตาคาร ห้องแสดง ภาพถ่าย และมีมุมสำหรับนั่งอ่านหนังสือพิมพ์และนิตยสารต่างๆ ที่ได้รับมาจากหอสมุดแห่งชาติ

5 ทำเนียบประธานาธิบดี (Palacio de la Moneda)
อาคารทรงนีโอคลาสสิค สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2342 (ค.ศ. 1799) โดยสถาปนิกชาวอิตาเลียนชื่อ Joaquín Toesca เดิมใช้เป็นโรงกษาปณ์ แต่ปัจจุบันเป็นเพียงที่ทำงานของประธานาธิบดีเท่านั้น และเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมบางบริเวณได้

6. ศาลฎีกา (Palacio de los Tribunales de Justicia)
อาคารที่ทำการศาลฎีกาเริ่มสร้างเมื่อปีพ.ศ. 2401 (ค.ศ.1858) และทำการต่อเติมในปี พ.ศ. 2448 (ค.ศ. 1905) และปี พ.ศ. 2454 (ค.ศ. 1911) เป็นศิลปะแบบกรีก-โรมัน สูง 3 ชั้น
ประธานศาลฎีกาของชิลีมาจากการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดี มีวาระดำรงตำแหน่งครั้งละ 3 ปี ผู้พิพากษาของศาลฎีกา มีจำนวน 21 คน โดยได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีและต้องผ่านการเห็นชอบของวุฒิสภา ต้องมีอายุตั้งแต่ 36 ปีขึ้นไป และเกษียณเมื่ออายุครบ 75 ปี

7. จตุรัสอาร์มัส (Plaza de Armas)
เปโดร เด วาลดิเวีย ได้สร้างจตุรัสนี้ขึ้นกลางกรุงซันติอาโก เมื่อปีพ.ศ. 2084 (ค.ศ.1541) เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดตลาดนัดและเป็นลานฝึกอาวุธ ปัจจุบันเป็นสวนสาธารณะขนาดย่อม บริเวณโดยรอบเป็นสิ่งก่อสร้างที่เป็นอนุสรณ์สถานที่สำคัญของกรุงซันติอาโก อาทิ ไปรษณีย์กลาง พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ และมหาวิหาร (Metropolitan Church)

8. เนินเขาซานตาลูเซีย (Cerro Santa Lucia)
เป็นจุดที่เปโดร เด วาลดีเวีย ขึ้นไป และมองลงมา ณ ที่ราบเนินเขาด้านล่าง แล้วเกิดความประทับใจสร้างเมืองซันติอาโกขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2083 (ค.ศ.1540) ปัจจุบันเป็นสวนสาธารณะย่านกลางเมืองที่เป็นที่นิยมไปพักผ่อนของชาวเมืองซันติอาโก บนเนินเขามีปราสาทฮิดาลโก (Castillo Hidalgo) ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2359 (ค.ศ. 1816) เพื่อเป็นป้อมปราการในการป้องกันกรุงซันติอาโก หลังจากนั้นได้มีการใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ และศูนย์จัดนิทรรศการ ปัจจุบันเป็นสถานที่จัดกิจกรรมงานเลี้ยงต่างๆ ฝั่งตรงข้ามซานตาลูเซียมีตลาดนัดขายของที่ระลึกและสินค้าพื้นเมือง

9. ตลาดกลาง (Mercado Central)
ตลาดขายสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาหารทะเลสด และในบริเวณตลาดมีร้านขายอาหารชิลี และนานาชาติ บางครั้งจะมีกลุ่มนักดนตรีมาเล่นและร้องเพลงเพื่อสร้างบรรยากาศให้เป็นท้องถิ่นมากขึ้น

ธรรมเนียมปฏิบัติที่ควรทราบ

ชาวอเมริกาใต้รวมทั้งชาวชิลีจะพูดกับคู่สนทนาโดยยืนประชิดตัวใกล้กว่า ปกติ พยายามอย่าก้าวถอยหลังเพื่อรักษาระยะแม้ว่าท่านจะรู้สึกไม่สบาย หรือขัดเขินเพราะอาจทำให้คู่สนทนาคิดว่าท่านรังเกียจ

การพิมพ์นามบัตร ควรพิมพ์ภาษาอังกฤษด้านหนึ่งและภาษาสเปนอีกด้านหนึ่งและควรมอบนามบัตรให้ทุกคนที่พบ ยกเว้นเลขานุการ

บรรยากาศ การติดต่อธุรกิจจะมีความเป็นทางการมากกว่าในอเมริกาและยุโรป จึงควรรักษามารยาทและแต่งตัวให้เรียบร้อย อย่างไรก็ตาม สำหรับสุภาพสตรีนิยมใช้ชุดสูทกางเกงในการพบติดต่อธุรกิจ แต่ในงานเลี้ยงมักใช้ชุดกระโปรงสั้น (หากเป็นผ้าไหมไทยจะช่วยสร้างความประทับใจมากยิ่งขึ้น)

ชาวชิลีมีอัธยาศัยและให้ความเป็นกันเองกับแขก แต่ไม่ชอบกิริยาที่โผงผาง ก้าวร้าว

ชาวชิลีไม่นิยมต่อรองราคาไม่ว่าในห้างสรรพสินค้าหรือตลาด นอกจากนี้ การขายสินค้าโดยไม่ออกใบเสร็จรับเงินถือว่าผิดกฎหมาย

ในร้านอาหารส่วนใหญ่จะไม่รวมค่าบริการในใบเสร็จรับเงิน ซึ่งโดยทั่วไปจะให้ประมาณร้อยละ 10 ของค่าอาหาร

มารยาททางธุรกิจ

การนัดหมาย

เวลาทำงาน คือ จันทร์-ศุกร์

เอกชน ตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น.
ราชการ ตั้งแต่เวลา 9.00-17.30 น.
ธนาคาร ตั้งแต่เวลา 9.00-14.00 น.
พักกลางวัน ตั้งแต่เวลา 13.00-15.00 น.

ช่วงเวลาการนัดหมายทางธุรกิจที่เหมาะสม ได้แก่ เวลา 10.00-12.00 น. และ 15.00-17.00 น. ทั้งนี้การพบปะเพื่อติดตามความคืบหน้าทางธุรกิจในช่วงสายของวันถัดมา และตามด้วยการรับประทานอาหารกลางวัน (business lunch) ถือเป็นธรรมเนียมนิยม

ควรตรงต่อเวลา อย่างไรก็ดี ไม่ควรแปลกใจหรืออารมณ์เสียหากคู่นัดผิดเวลาไป 30 นาที ตามงานสังคม เป็นที่คาดว่าทุกคนจะมาถึงช้าประมาณ 15 นาที สำหรับงานเลี้ยงอาหารค่ำ และ 30 นาที สำหรับงานเลี้ยงรับรอง

มารยาทการเข้าสังคม

การทักทาย

สุภาพบุรุษใช้วิธีสัมผัสมือแบบสากลนิยม ในขณะที่สุภาพบุรุษทักทายสุภาพสตรี และสุภาพสตรีทักทายระหว่างกันเองโดยการใช้แก้มด้านขวาสัมผัสกัน ซึ่งแสดงถึงอัธยาศัยไมตรีอันดีต่อกัน อย่างไรก็ตาม ชาวชิลีส่วนใหญ่จะเข้าใจและให้การปฏิบัติต่อแขกต่างชาติโดยการสัมผัสมือ อย่างสากล

การเรียกชื่อ

คนชิลีจะเขียนคำนำหน้าชื่อ คือ

นาย เรียกว่า Senor (ซินญอ)
นาง เรียกว่า Senora (ซินญอรา)
นางสาว เรียกว่า Senorita (ซินญอริต้า)

แล้วตามด้วยชื่อตัว นามสกุลบิดา และนามสกุลมารดา ส่วนในการเรียกชื่อจะใช้คำนำหน้าชื่อนามสกุลของบิดา

คนชิลีมักให้เกียรติคู่สนทนา (โดยเฉพาะกับบุคคลที่ไม่สนิทสนม หรือผู้มีความอาวุโสกว่า) ด้วยการใช้ระดับภาษาที่เป็นทางการในการสนทนา

การสังสรรค์

ที่งานเลี้ยงสังสรรค์ ควรทักทายเป็นรายบุคคล

การสังสรรค์นิยมกระทำตามโรงแรมและภัตตาคาร ควรประสานเรื่องการชำระเงินล่วงหน้ากับทางร้านค้าก่อน เพื่อป้องกันการแย่งกันจ่ายเงิน

หัวข้อการสนทนาที่ดีระหว่างการรับประทานอาหาร ได้แก่ เรื่องครอบครัว (ไม่ถือเป็นการก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว แต่เป็นการแสดงความสนใจในตัวคู่สนทนา) ประวัติศาสตร์ อาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ควรหลีกเลี่ยงเรื่องการเมืองภายใน และศาสนา

การหยิบยก ประเด็นเกี่ยวกับชิลี อาทิ ไวน์ ทัศนียภาพจะทำให้คนชิลีรู้สึกดีต่อประเทศตนเองและกับคู่สนทนาว่ามีความสนใจ เรียนรู้เกี่ยวกับประเทศของเขา


วันหยุดราชการ
1 มกราคม วันขึ้นปีใหม่
21 มีนาคม วัน Good Friday
1 พฤษภาคม วันแรงงาน
21 พฤษภาคม วัน Commemoration of the Battle of Iquique
22 พฤษภาคม วัน Corpus Christi
29 มิถุนายน วัน St.Peter and St.Paul
16 กรกฎาคม วัน Virgin of the Carmen
15 สิงหาคม วัน Assumption of the Virgin Mary
18 กันยายน วัน Independence Day
19 กันยายน วัน Day of the Army
12 ตุลาคม วัน Columbas Day
31 ตุลาคม ววัน National Day of Evangelical and Protestant Churches
1 พฤศจิกายน วัน All Saints
8 ธันวาคม วัน Immaculate Concepttion
25 ธันวาคม วัน Christmas
หมายเหตุ : โดยที่ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเป็นศาสนาที่สำคัญของชิลี จึงอาจมีวันสำคัญทางศาสนาบางวันที่ถือเป็นวันหยุด จึงควรตรวจสอบก่อน
หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน
รถพยาบาล หมายเลข 131
รถดับเพลิง หมายเลข 132
ตำรวจ หมายเลข 133





#ขอขอบคุณบทความดีๆจาก http://travel.sanook.com/ ซืึงได้รับข้อมูลมาจาก 
กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ